แหล่งรวมสิ้นค้าด้านไอทีทุกชนิด Siam It Network คลื่นวิทยุของคนทำมาหากิน ที่มีทั้งสาระ บันเทิง และสาธารณะประโยชน์ของคนทุกคน โดย ทีมงานเพื่อนช่าง ศูนย์ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภท
การเรียนรู้ทุกอย่างกับผู้ที่มีความรู้มากกว่า มีความชำนาญกว่าเรา หรือที่เรียกว่าครูนั้น จะทำให้เราจดจำได้ดีและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ที่เรียนกับครูนั้นเรียกว่านักเรียน แต่หากเมื่อใดก็ตาม ที่เรารู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเราเอง รู้จักวิจารณ์และพิจารณาสิ่งเหล่านั้น ด้วยเหตุด้วยผลและประสบผลสำเร็จด้วยตัวเอง ท่านว่าเป็นนักรู้ คือรู้แจ้งด้วยตัวเอง ส่วนผู้ที่เป็นทั้งนักเรียนและนักรู้ ไปพร้อมกัน คือพยายามจดจำในสิ่งที่เหล่าเรียนและได้ฟังมาจากผู้อื่น และกลับมาพิจารณาด้วยเหตุและผลด้วยตนเอง

ค้นหาด้วยนี้ เจอแน่นอน

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แนวข้อสอบ Pol2301 ธงคำตอบPol2301 ภูมิภาค

แนวคำตอบ pol2301 องค์การและการจัดการภาครัฐ


1.ตัวชี้วัดความสำเร็จขององค์การ (หลัก 5 E)

ปัจจัยที่เป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จขององค์การสาธารณะ ซึ่งเราเรียกกันว่าหลัก 5 E นั้นได้แก่
1.ประสิทธิภาพ Efficiency ในการบริหาร จะหมายถึงการเปรียบเทียบเพื่อหาอัตราส่วนหรือสัดส่วน ระหว่างผลที่ได้จาก
การบริหารกับทรัพยากรที่ใช้ในการบริหาร
2.ประสิทธิผล Effectiveness จะหมายถึง การดำเนินงานได้ตามแผนที่กำหนด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการ
บริหารงานตามแผนที่กำหนด และยังหมายรวมถึงความสำเร็จของผลงานในระยะต่าง ๆ ตามแผนหรือตามประมาณการที่
กำหนดไว้ เช่นได้ผลตามมาตรฐานที่กำหนดในระยะเวลาที่ประมาณการไว้ และในระยะยาวชุมชนมีการพัฒนาตามประมาณ
การที่ได้วางเอาไว้
3.ความเสมอภาคเท่าเทียม Equality
4.ความยุติธรรม Equity
5.ความสำคัญแก่สิ่งแวดล้อม Ecology

2 Hygiene Theory (ทฤษฎีแรงจูงใจของ Herzberg)

ตอบ Hygiene Factors หมายถึง ปัจจัยเมื่อพนักงานในองค์การไม่ได้รับการตอบสนองแล้วจะสร้างให้เกิดความไม่พึง
พอใจในการปฏิบัติงานขึ้นได้ ปัจจัยประเภทนี้ถ้าขาดหรือบกพร่องไปจะก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจขึ้นได้ แต่ถ้าหากไม่ขาด
ไม่บกพร่องก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งปัจจัยพวกนี้จะเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่
- นโยบายและการบริหารงาน
- เทคนิคและการควบคุมงาน
- เงินเดือน
- ความสัมพันธ์ภายในต่อผู้บังคับบัญชา
- สภาพการทำงาน

3. Primary Organization

องค์การเบื้องต้นหรือองค์การปฐมภูมิ Primary Organization เป็นองค์การที่เพิ่งจะกำเนิดขึ้นมา ยังไม่มีการระบุอำนาจ
หน้าที่ และโครงสร้างขององค์การไว้ชัดเจนนัก บุคคลที่เข้ามาอยู่ในองค์การจัดเป็นพวกผู้ก่อตั้ง ความสัมพันธ์ภายใน
องค์การมีลักษณะของความสัมพันธ์โดยตรงค่อนข้างมาก มีการคำนึงถึงสายการบังคับบัญชา ลักษณะขององค์การมีความ
ไม่เป็นทางการมาก และผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ขององค์การเป็นอย่างดี เข้ามาทำงานโดยมีวัตถุประสงค์
ร่วมกัน

1. เงื่อนไขของการเกิดองค์การ
ตอบ ๑. มีบุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปเข้าทำงานร่วมกัน
๒. มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน
๓. มีกิจกรรมหรือปฏิสัมพันธ์ร่วมกันทั้งในลักษณะที่เป็นทางการและไม่เป็น
ทางการ
๔. มีรูปแบบความสัมพันธ์ภายในอันเกิดจากการจัดสรรทรัพยากรในการ
บริหาร

2. Unity of Command
ตอบ Unity of Command หมายถึง บุคคลทุกๆคนภายในองค์กรจะต้องรับคำสั่งและ
รับผิดชอบต่อผู้บังคับบัญชาผู้เดียว

3. Equality and Equity
ตอบ หลักความเสมอภาคและหลักความเป็นธรรม ทุกองค์การจะต้องมีสิทธิความเสมอภาคและความเป็นธรรมภายใต้กก
เกณฑ์ที่วางไว้

Hierarchy of Needs ( A.H. Maslow)
ตอบ การศึกษาระดับความต้องการของมนุษย์ แบ่งออกเป็น ๕ ระดับ
๑. ความต้องการทางกายภาพ
๒. ความต้องการทางความปลอดภัยในชีวิต
๓. ความต้องการจะเข้าร่วมสังคม
 ๔. ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในหน้าที่
การงาน
๕. ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในชีวิต

1.Efficiency and Effectiveness คืออะไร ต่างกันอย่างไร

ตอบ Efficiency หมายถึง การเปรียบเพื่อหาอัตราส่วน หรือสัดส่วนระหว่างผลที่ได้จากการบริหารกับทรัพยากรที่ใช้ใน
การบริหาร
Effectiveness หมายถึง การดำเนินงานได้ตามแผนที่กำหนด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารตามแผนที่กำหนด และยังรวมถึงความสำเร็จของผลงานในระยะต่างๆตามแผนหรือตามประมาณการที่กำหนดไว้
ความแตกต่างกันคือ ประสิทธิภาพนั้นเน้นที่การลงทุนน้อยและต้องได้ผลคุ้มค่าแต่ประสิทธิผลนั้นที่ผลลัพธ์มากกว่าต้นทุนความแตกต่างกันคือ ประสิทธิภาพนั้นเน้นที่การลงทุนน้อยและต้องได้ผลคุ้มค่าแต่ประสิทธิผลนั้นที่ผลลัพธ์มากกว่าต้นทุน
แต่การทำงานประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องสัมพันธ์กันขาดกันไม่ได้

๒. Operation Research and Management Science คืออะไร ต่างกันอย่างไร

ตอบ Operation Research คือ การวิจัยดำเนินงาน หรือ OR เกี่ยวข้องกับการทดลองและประยุกต์เพื่อที่จะให้เรา
สังเกต เข้าใจ และทำนายพฤติกรรมอันเนื่องมาจากการทำงานในองค์การ โดยสมาคมนักวิจัยของสหรัฐได้ให้ความหมาย
ของ Operation Research หรือ OR ไว้ว่า เป็นวิชาซึ่งเกี่ยวข้องกับการทดลองและประยุกต์ ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เราสามารถสังเกต เข้าใจและคาดเดาพฤติกรรมอันเนื่องจากการทำงานในองค์การและผู้ที่ศึกษาถึง OR จะต้องนำเอาความรู้ดังกล่าวไปใช้แก้ปัญหาให้กับหน่วยงานทางธุรกิจ รัฐบาลและสังคม
Management Science คือ วิทยาการบริหาร หรือ MS เป็นการศึกษาและพัฒนาความรู้รวมทั้งเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ในการบริหาร คล้ายคลึงกันในสาระของการศึกษา ต่างกัน คือ OR มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาขององค์การ ส่วน MS เป็นการศึกษาและพัฒนาความรู้ รวมทั้งเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในการบริหาร

๓. Hygiene Factor คืออะไร แตกต่างจาก Motivator Factors อย่างไร

ตอบ Hygiene Factor หมายถึง ปัจจัยเมื่อพนักงานในองค์การไม่ได้รับการตอบสนองแล้วจะสร้างให้เกิดความไม่พึง
พอใจในการปฏิบัติงานขึ้นได้ ปัจจัยประเภทนี้ถ้าขาดหรือบกพร่องไปจะก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจขึ้นได้ แต่ถ้าหากไม่ขาด
ไม่บกพร่องก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน แม้จะเพิ่มปัจจัยจำพวกนี้ก็ไม่เป็นผลทำให้พนักงานมีความพึง
พอใจและกระตือรือร้นที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวขึ้นได้
Motivator Factors หมายถึงปัจจัยที่เมื่อพนักงานในองค์การได้รับการตอบสนองแล้ว จะสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน และเป็นผลทำให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่
ความแตกต่างคือ Hygiene Factor เป็นปัจจัยที่เมื่อพนักงานไม่ได้รับการตอบสนองก็จะทำให้เกิดความไม่พึงพอใจในการทำงานตรงกันข้ามกับ Motivator Factors คือปัจจัยที่พนักงานได้รับการตอบสนองแล้วสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน

๔. องค์กรมีกี่ประเภท อะไรบ้าง อธิบาย

ตอบ การจำแนกประเภทขององค์การ อาจพิจารณาได้หลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่นำมาใช้ในการพิจารณาสามารถ
แบ่งได้ 5 ประเภทใหญ่ ดังนี้
1.ประเภทขององค์การเมื่อพิจารณาจากความเป็นเจ้าของ
2.ประเภทขององค์การเมื่อพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
3.ประเภทขององค์การเมื่อพิจารณาจากหน้าที่ในการจัดสรรทรัพยากร
4. ประเภทขององค์การเมื่อพิจารณาจากกำเนิดขององค์การ
.5.ประเภทขององค์การเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างและความสัมพันธ์ภายในเป็นเกณฑ์

๕. Hawthorne Experiment ของ mayo มีสาระสำคัญอย่างไร

ตอบ Hawthorne Experiment เป็นการทดลองเพื่อสำรวจหาความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพเช่นความเข้มของแสงสว่างและเงื่อนไขทางกายภาพในการทำงานอื่นๆกับผลิตภาพในการทำงาน ทำให้สรุปได้ว่าการทดลองโดยให้กลุ่มทดลองทั้งสองกลุ่มที่กลุ่มหนึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนสภาพที่เปลี่ยนไปกับการอยู่กับสภาพแวดล้อมคงที่ต่างไม่ยอมแพ้ซึ่งกันละกันทำให้ทั้งสองกลุ่มมีผลงานเพิ่มขึ้น

(6) กระบวนการในการตัดสินใจในองค์การ ( Decision Making Process )

ตอบ จากความพยายามที่จะกำหนดรูปแบบของกระบวนการในการตัดสินใจที่สมบูรณ์ ต้องประกอบด้วยปัจจัยที่สำคัญ 6ประการ คือ
1.ลักษณะพื้นฐานทางธรรมชาติ
2.ผู้ทำการตัดสินใจ
3.เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
4.ทางเลือกที่เกิดขึ้น และกระบวนการในการทำงานซึ่งเป็นผลมาจากทางเลือก
5.ความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดความพึงพอใจเมื่อเลือกทางเลือกอื่นๆ
6.ทางเลือกที่ได้เลือกแล้วอาจเป็นทางเลือกเดียว หรือเป็นการรวมทางเลือกหลายๆทางเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้อาจแบ่งกระบวนการในการตัดสินใจได้เป็น 3 ขั้นตอน คือ
1.ขั้นตอนของการประมวลข่าวสาร หรือขั้นตอนการสร้างภูมิปัญญา เป็นขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารจากสภาพแวดล้อม เพื่อที่จะหาเงื่อนไขที่ดีประกอบการตัดสินใจ
2.ขั้นตอนของการสร้าง พัฒนา วิเคราะห์ เป็นขั้นตอนของการหารูปแบบที่เหมาะสมในการดำเนินงาน เป็นขั้นตอนของการออกแบบหรือกำหนดรูปแบบในการดำเนินการ
3.ขั้นตอนของการเลือกรูปแบบที่เหมาะสม เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้ในการดำเนินงาน

๖. Bureaucratic Model ของ max weber มีรายละเอียดอย่างไร
ตอบ Bureaucratic Model หมายถึง องค์การขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยโครงสร้างของการบริหารที่ซับซ้อน มีสายการบังคับบัญชา มีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน มีการระบุถึงอำนาจหน้าที่ของตำแหน่งต่างๆ มีระบบการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง และมีความสัมพันธ์ภายในที่เป็นทางการ
ระบบราชการประกอบด้วยบุคคลจำนวนมากที่เข้ามาทำงานร่วมกัน โดยอาศัยระเบียบวินัยและกฎเกณฑ์ขององค์การเป็นตำแหน่ง และมีความสัมพันธ์ภายในที่เป็นทางการ
ระบบราชการประกอบด้วยบุคคลจำนวนมากที่เข้ามาทำงานร่วมกัน โดยอาศัยระเบียบวินัยและกฎเกณฑ์ขององค์การเป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกัน ดังนั้นระบบราชการจึงมักมีการทำงานที่ล่าช้า หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ และมีอิทธิพลเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนการทำงาน

๗. หน้าที่หรือกิจกรรมที่นักบริหารจะต้องทำ Administrative functions
Gulick ได้เสนอกิจกรรมของการบริหารเป็น 7 ส่วนคือ POSDCORB
1. Planning การวางแผน
2. Organization การจัดรูปงานหรือจัดโครงสร้างขององค์การ
3. Staffing การบรรจุบุคคลเข้าทำงาน
4. Directing การสั่งการ
5. Coordinating การประสานงาน
6. Reporting การจัดทำรายงาน
7.Budgeting การจัดทำงบประมาณ

๒. จงแสดงรายละเอียดในเรื่องต่อไปนี้

๒.๑ยกตัวอย่างทฤษฏีองค์การยุคคลาสสิกมา ๒ ทฤษฏีและอธิบายความสำคัญของทฤษฏีนั้น

1) ทฤษฎีการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (The Scientific Management)
มีบุคคลที่เป็นแกนนำสำคัญ และเป็นผู้วางรากฐานของทฤษฎี คือ เฟรดเดอริก เทเลอร์ เขาเสนอให้เห็นว่า จุดเน้นที่สำคัญของทฤษฎี (focus) คือ การสร้างประสิทธิภาพ การทำงานอย่างมีความเป็นเหตุเป็นผลของพนักงานในระดับปฏิบัติการในองค์การ เพื่อที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน

2) ทฤษฎีการบริหาร (Administrative Theory)
เป็นการนำเสนอตัวแบบทฤษฎีองค์การตามทัศนะของ เฮนรี ฟาโยล (Henri Fayol) ที่มีจุดเน้นความเป็นเหตุเป็นผลในการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงขององค์การ (Top Management) โดยเสนอแนะให้เห็นว่าผู้บริหารมีภารกิจที่สำคัญในการบริหารงานอย่างไร

๒.๒ จงระบุถึง “ระบบขององค์การ” เมื่อใช้แนวคิดเชิงระบบพิจารณา(A Systems Approach)

ตอบ การศึกษาองค์การและการบริหารได้พัฒนามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผลจากการศึกษาองค์การในเชิงพฤติกรรมศาสตร์ และการศึกษาการบริหารในเชิงปริมาณทำให้เกิดการนำเอาวิทยาการใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการบริหารโดยการนำเอาความรู้ซึ่งได้มาจากการศึกษาในเชิงพฤติกรรมและวิทยาการบริหารสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการพัฒนา มีการประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านกายภาพ ชีวภาพ และสังคม เพื่อนำเข้ามาปรับใช้องค์การเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพวิธีการศึกษาองค์การและการบริหารในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จึงมีลักษณะที่ครอบคลุมไปทุก ๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์การและการบริหาร ไม่ได้เน้นเฉพาะอยู่ที่ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง ในช่วงนี้ถือว่าปัจจัยที่ประกอบเข้าด้วยกันเป็นระบบขององค์การหนึ่ง ๆ นั้น ต่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สามารถส่งผลกระทบถึงกันได้ และต้องมีระบบเฉพาะภายในของมันเอง ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันอกไปจากปัจจัยชนิดอื่น ๆ แนวความคิดในการศึกษาองค์การในลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่า เป็นการนำเอา “ทฤษฎีระบบ” เข้ามาใช้ในองค์การ

๓. สิ่งแวดล้อมสำคัญต่อองค์การอย่างไร และให้ยกตัวอย่างสิ่งแวดล้อมทางการเมืองของระบบราชการ

ตอบ สิ่งแวดล้อมมีความสำคัญต่อองค์การเป็นอย่างมากไม่มีองค์การหรือหน่วยงานใดที่ดีหรือเหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะแวดล้อม องค์การที่ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากองค์การนั้นอยู่ในสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การที่องค์การหนึ่งจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จำเป็นจะต้องมีการปรับสภาพขององค์การให้เข้ากันได้อย่างสอดคล้องเหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้องค์การในฐานะระบบจะอยู่นิ่งเฉยโดยปราศจากการเคลื่อนไหวไม่ได้ องค์การจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของตนอยู่ตลอดเวลา
สิ่งแวดล้อมทางการเมืองของระบบราชการนั้นประกอบด้วย
๑. สาธารณะชนทั่วไป          ๔. ฝ่ายนิติบัญญัติ
๒. ผู้รับบริการสาธารณะ       ๕. ผู้บริหารระดับสูง
๓. สื่อมวลชน                       ๖. กระบวนการยุติธรรม

๓. ให้นักศึกษาอธิบายว่า “การมอบอำนาจหน้าที่ในองค์การ” มีความหมายว่าอย่างไร และมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในองค์การอย่างไรบ้าง

ตอบ การมอบอำนาจหน้าที่ในองค์การ หมายถึง การที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบบางประการให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ในทางปฏิบัติผู้บังคับบัญชามักจะมอบอำนาจหน้าที่แก้หัวหน้างานระดับรองลงไป การมอบอำนาจที่นี้จะมอบให้บุคคลเดียวหรือหลายคนก็ได้ มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในองค์การดังนี้คือ

๑. ทำให้การปฏิบัติงานในรูปองค์การสามารถดำเนินไปโดยสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
๒. ช่วยลดภาระผู้บริหาร
๓. ช่วยในการพัฒนาและฝึกฝนผู้ใต้บังคับบัญชา
๒. ช่วยลดภาระผู้บริหาร
๓. ช่วยในการพัฒนาและฝึกฝนผู้ใต้บังคับบัญชา
๔. ช่วยสร้างขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
๕. ช่วยให้มีการเตรียมตัวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถเลื่อนตำแหน่ง หรือปฏิบัติงานแทนผู้บังคับบัญชาได้

(2) อธิบายว่า 'อำนาจหน้าที่' และ 'ความรับผิดชอบ' มีความสัมพันธ์กัน

ตอบ ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ และอำนาจหน้าที่ควรจะมีควบคู่กับความรับผิดชอบ และเมื่อผู้ใดได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบต่องานใดงานหนึ่ง ผู้นั้นก็ควรจะได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่เพียงพอที่จะใช้ปฏิบัติงานนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดี

2.1 เปรียบเทียบทฤษฎีองค์การยุคมนุษยสัมพันธ์และทฤษฎีองค์การยุคคลาสสิก
ตอบ ทฤษฎีองค์การยุคมนุษยสัมพันธ์
-สนใจลักษณะของบุคคลในองค์การ ทั้งบุคลิกภาพ การรับรู้ การเรียนรู้ ทัศนคติ
เพราะมองว่าลักษณะของบุคคลจะมีผลต่อการทำงาน
-สนใจความต้องการและความพึงพอใจของมนุษย์ในองค์การว่ามีผลต่อการทำงานใน
องค์การ
-สนใจพฤติกรรมกลุ่มในองค์การ ว่ามีผลต่อการทำงานในองค์การ

ทฤษฎีองค์การยุคคลาสสิก
.1.กลุ่มการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Sciencetific Management) แนวคิดสำคัญ
-เน้นการศึกษาองค์การในระดับการจัดการ
-เชื่อว่ามีวิธีการทำงานที่ดีที่สุดเพียงวิธีเดียว (One Best Way)
-เน้นสร้างแจงจูงใจด้วยค่าจ้างเป็นรายชิ้น (Piece Rate System)
-สามารถใช้ระบบเหตุผลในการทำงานได้ (Rational System Model)
-เน้นประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน (Maximized Efficiency)

1.2 กลุ่มหลักการการบริหาร (Principle of Administration ***ถ้าเป็นนักคิดจะเรียกว่า Administrative Theorists)
แนวคิดสำคัญคือ
-ให้ความสำคับกับการบริหารงานระดับบน (Macro Level )
-มองว่าการจัดโครงสร้างองค์การที่ดีจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
-เสนอแนวคิดเกี่ยวกับหน้าที่ของนักบริหาร (Function of Administration) มองว่าผู้บริหารจะต้องมีหน้าที่ที่ชัดเจน

2.3 สิ่งแวดล้อมทางการเมืองและสิ่งแวดล้อมภายนอกคืออะไร ต่างกันอย่างไร
สิ่งแวดล้อมทางการเมือง ถือเป็นสื่อกลางในการที่จะสร้างข้อเรียกร้องจากสภาพแวดล้อมภายนอก เพื่อให้ผู้บริหารองค์การสาธารณะที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาแสดงความรับผิดชอบ ประกอบด้วยสถาบันทางการเมืองต่างๆดังนี้
1.สาธารณชนโดยทั่วไป
2.ผู้รับบริการสาธารณะและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ
3.สื่อมวลชน
4.ฝ่ายนิติบัญญัติ
5.ผู้บริหารระดับสูง
6.กระบวนการยุติธรรม

สิ่งแวดล้อมภายนอก ถือเป็นสภาพแวดล้อมทั่วๆไป ที่มีอิทธิพลต่อทุกๆองค์การในสังคม แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
2.สภาพแวดล้อมทางสังคม
3.สภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยี
6.วิธีการศึกษาการตัดสินใจในองค์การ

วิธีการศึกษาการตัดสินใจในองค์การ คือ การที่จะเข้าใจถึงลักษณะของการตัดสินใจในระดับต่างๆ ขององค์การ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจลักษณะทั่วไปขององค์การ วิธีการในการตัดสินใจ รวมไปถึงรูปแบบในการศึกษาการตัดสินใจในองค์การ
รูปแบบของการศึกษาการตัดสินใจในองค์การแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1.การศึกษาจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
2.การศึกษาโดยพยายามสร้างรูปแบบของการตัดสินใจที่ควรจะเป็น
ระดับของการศึกษา สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ คือ
1.ระดับของการตัดสินใจโดยตัวของมันเอง
2.ระดับของผู้ทำการตัดสินใจ
3.ระดับของกระบวนการที่ใช้ในการตัดสินใจ

3.ให้นักศึกษาตอบทั้งข้อ ก. และ ข.
ก. อธิบายว่า “โครงสร้างขององค์การ” Organization Structure คืออะไร
โครงสร้างขององค์การเกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ การกำหนดวิธีการรายงานตามสายการบังคับบัญชาในระหว่างกลุ่มคน รวมไปถึงกลไกการประสานงานที่เป็นทางการ และวิธีการที่เกี่ยวข้องตามแผนที่ได้กำหนดและวางไว้ โดยสามารถจำแนกโครงสร้างขององค์การออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วยกันคือ

1.ความสลับซับซ้อนหรือความซับซ้อนขององค์การ เกิดจากการที่องค์การแต่ละองค์การมีการแบ่งแยกงานจำนวนมากออกเป็นกลุ่มๆ หลายๆ กลุ่มงาน โดยแบ่งแยกตามความถนัดหรือความเชี่ยวชาญแต่ละด้านของบุคลากร รวมทั้งจัดแบ่งความสลับซับซ้อนหรือความซับซ้อนขององค์การ เกิดจากการที่องค์การแต่ละองค์การมีการแบ่งแยกงานจำนวนมากออกเป็นกลุ่มๆ หลายๆ กลุ่มงาน โดยแบ่งแยกตามความถนัดหรือความเชี่ยวชาญแต่ละด้านของบุคลากร รวมทั้งจัดแบ่งลำดับชั้นของการบังคับบัญชาเป็นระดับต่างๆ อาจมีการแบ่งงานและบุคลากรไปในพื้นที่อื่นๆ ในลักษณะสาขาด้วย

2.ความเป็นทางการ จะพิจารณาจากการที่องค์การได้กำหนดกฎเกณฑ์ เพื่อวางระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นมาตรฐาน อันจะเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่เป้าหมายของแต่ละองค์การได้

3.การรวมอำนาจหรือการรวมศูนย์อำนาจ การรวมอำนาจในองค์การจะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการกำหนดอำนาจในการตัดสินใจ หากการตัดสินใจทำโดยผู้บริหารระดับสูงและเป็นเรื่องสำคัญจะเห็นลักษณะของการรวมอำนาจในองค์การนั้น แต่หากมีการกระจายอำนาจในการตัดสินใจมายังผู้บริการระดับต่ำ จะเน้นลักษณะการกระจายอำนาจ

โครงสร้างขององค์การนั้นๆ
ข.โครงสร้างขององค์การมีความสำคัญต่อการบริหารอย่างไรบ้าง (ให้อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ)
โครงสร้างขององค์การหรือการจัดองค์การมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับความสำเร็จของกิจการ หากมีการจัดองค์การที่ดีแล้ว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมเป็นไปได้มาก การจัดองค์การอย่างเหมาะสมนั้น ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการคือ
1. ช่วยให้การบริหารงานเป็นไปด้วยความสะดวกและง่ายขึ้น
2. ช่วยแก้ปัญหางานที่คั่งค้าง ณ จุดใดโดยไม่จำเป็น
3. ช่วยแก้ปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน

2.2 เปรียบเทียบหลักการของ Hierarchy of Needs (A.H Maslow) กับ Motivator Factor (Herzberg)
เอ เอช มัสโล ได้ศึกษาถึงระดับของความต้องการของมนุษย์และแบ่งระดับของความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน คือ
1.ความต้องการทางกายภาพ (Physiological Needs)
2.ความต้องการความปลอดภัยในชีวิต (Safety Needs)
3.ความต้องการที่จะเข้าร่วมในสังคม (Social Needs)
4.ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในหน้าที่การงาน (Esteem Needs)
5.ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในชีวิตตามอุดมการณ์ที่ตัวได้ตั้งไว้ (Self-realization Needs)

ความต้องการทั้ง 5 ขั้นดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กัน และเกิดต่อเนื่องกันตลอดเวลาเมื่อความต้องการในขั้นตอนใดได้รับการบำบัดแล้ว มนุษย์ก็จะเกิดความต้องการในขั้นถัดไป และความต้องการในขั้นก่อนหน้านั้นก็จะลดน้อยลงไปตามลำดับปัจจัยที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจ

 Motivator Factors หมายถึง ปัจจัยที่เมื่อพนักงานในองค์การได้รับการตอบสนองแล้ว จะสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน และเป็นผลทำให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจัยจำพวกนี้ ได้แก่
- ความสำเร็จในหน้าที่การงาน
- ความยอมรับนับถือจากผู้ร่วมงาน
- ลักษณะของงาน
- ความรับผิดชอบ
- ความก้าวหน้าในการงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ไอทีที่ยอดนิยมสัปดาร์ที่แล้ว

ไอทีที่นิยมปีที่ผ่าน

ไอทีที่ได้รับความนิยม

กระทู้ล่าสูด

ป้ายกำกับ

(16GB) 3bb 9 วิธี ตรวจเช็คสมาร์ทโฟน ป้องกันเครื่องย้อมแมว กล้องมิลเลอร์เลสตัวท็อป การไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เกาหลี ข่าวเกมส์ ข่าวแกดเจ็ต และ อุปกรณ์เสริม ข่าวคอมพิวเตอร์ และ โน๊ตบุ๊ค ข่าว ซอฟต์แวร์ ข่าว ซื้นสินค้าออนไลน์ ข่าวเทคโนโลยี ข่าวเน็ตเวิร์ค(network) ข่าวมือถือ ข่าววงการไอที ข่าววาไรตี้ ข่าว สมาร์ทโฟน ข่าวหนังภาพยนตร์ ข่าวอินเตอร์เน็ต และ เน็ตเวิร์ค ข่าวอินเตอร์เน็ต(internet) ข่าวอุปกรณ์ไอที และ เครื่องใช้ไฟฟ้า ข่าวไอที ข่าว AMD ข่าว Qualcomm ข่าว Qualcommข่าว ข่าว Ryzen ข่าว smartphone ข่าว Ultrabook คอมพัวเตอร์ คอมพิวเตอร์ งานไฟฟ้า ซ่อมคอม ซัมซุง เซ็นเซอร์อุณหภูมิ โซลาร์เซลล์ ทำHotSpot เทคโนโลยี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธอส บริการ ปากกาสำหรับ โปรโตคอล พัฒนา ไฟฟ้าแรงต่ำ ไฟฟ้าแรงสูง มือถือ ระบบเครือข่าย ระบบงานไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบมอเตอร์ประตูบานเลื่อน รับวางระบบอินเตอร์เน็ต รับเหมา ราคา ราคา NoteBook ASUS รูปแบบเสากันขโมย ลาซาดา วิธีแชร์เน็ต วิธีต่อดอกลำโพง เว็บไซต์กระจายโฆษณา เศรษฐศิริ สยามไอทีเน็ตเวิคส์ สร้างรายได้ไห้เว็บไซต์ สลาก ธอส. ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์​ ส่วนภูมิภาค สายเคเบิลใช้ความถี่ 350 MHz สายพ่วง สายแลนคุณภาพดียี่ห้อ Link สายแลน CAT6 Link สายแลน UTP CAT5E เสากันขโมย เสาสัญญาณกันขโมย เสียง อาเซียน อินเทอร์เน็ต 3BB ไอที ไอโฟน11 ฮาร์ดดิสก์ ACER Address ADVICE AEC AIS AIS Fibre AM Android Arduino Aspire ASUS ASUS ZenFone Zoom S Audio AUTOMATIC AUTOMATIC DOOR Bridge caspersky CAT6 computer copy CrystalDiskInfo .daa Default gateway DOOR download DVD EAS EAS SYSTEM EM Embedded Express Exynos features Firewall FrameWork FrameWork 2.0 FrameWork 3.5 Galaxy S25 Galaxy S25 Ultra Gizmochina Google googlemaps Group Gsmarena Harddisk HDD HDMI Honor Honor Magic 7 Pro HotSpot https://www.facebook.com/setupserver1 Huawei hylifenetwork ICBM .img Internet Into IP addres IP Address IPcop iPhone 7 Plus iPhone x iPhone xs IPTV .iso it IT News K242HLbd L2 8GB Laptop LCD LED 24'' Leegoog Leegoog L2 8GB Link Log manager Marketing .mdf Media Microsofft Mi Max mobile Nero Nero Express net Network NoteBook NOVA NOVA N15i .nrg onboard ONVIF Oppo partition pea PLUs Power Preferred DNS serve Proxy Qualcomm 845 RF RJ45 RTP Samsung Samsung Galaxy Samsung Galaxy S8 School Screen Security Server setupserver shop shrink siam siamitnetwork Sites SLIDE DOOR SMART Snapdragon Snapdragonข่าว Social Social Network SONY SUPER support Sure System TCP TFT to TOT Touch True Unallocated UPD VEN Video Vista Vivo Vivo Thailand Vivo V5 Vivo V5 Plus volume Wifi wikiHow Wiko WINDOWS WINDOWS 7 Wireless WLAN work www.siamitnetwork.com Xiaomi Xiaomi Mi Max (16GB) YouTube ZenFone Zoom