สอศ. จัดประชาพิจารณ์การปฏิรูปการอาชีวศึกษา กลุ่มภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร
วันที่: 09/04/2015 สร้างโดย: pradmin
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
ได้จัดการประชุมประชาพิจารณ์การปฏิรูปการอาชีวศึกษา ในกลุ่มภาคกลาง
ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร
เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำกรอบแนวทางการปฏิรูปอาชีวศึกษา ณ
โรงแรมทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพมหานคร โดยมีดร.ชาญเวช บุญประเดิม
รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธาน

ดร.ชาญเวช บุญประเดิม รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าว ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปอาชีวศึกษา ในกลุ่มภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุม 250 คน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสถานประกอบการ กลุ่มที่ 2 ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารสำนักงาน กศน. จังหวัด กลุ่มที่ 3 ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน และกลุ่มที่ 4 ภาคประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น ผู้ปกครอง และศิษย์เก่า โดยมีกรอบการหารือเกี่ยวกับการสร้างแรงจูงใจให้สถานประกอบการเข้ามามีส่วน ร่วมจัดการอาชีวศึกษา แนวทางการกำหนดความต้องการกำลังคนทั้งในระดับจังหวัด และระดับภาคเพื่อการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคน การจัดระบบข้อมูลกำลังคนในระดับจังหวัด การกำหนดค่าจ้างหรือค่าตอบแทนตามสมรรถนะของผู้สำเร็จอาชีวศึกษา ความร่วมมือในระดับจังหวัดและระดับภาคในการจัดอาชีวศึกษาทวิภาคี รวมทั้งสาขาเร่งด่วน การจัดตั้ง กรอ.อศ. ระดับจังหวัดและระดับภาค เพื่อเป็นกลไกเสริมสร้างและผลักดันความร่วมมือในพื้นที่ การเพิ่มผู้เรียนสายอาชีวศึกษา การแนะแนวการศึกษาเพื่ออาชีพและมีงานทำ การสนับสนุนการสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา อาชีวะในโรงเรียนมัธยม อาชีวะตามอัธยาศัย การทำงานแบบเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาในจังหวัด การรวมอาชีวะรัฐและอาชีวะเอกชนให้อยู่ภายใต้หน่วยงานเดียวกัน โครงสร้างหน่วยงาน และการทำงานร่วมกัน การกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่และจังหวัด ความพร้อมและความต้องการรับการกระจายอำนาจในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ความต้องการให้อาชีวศึกษาสร้างอาชีพ พัฒนาท้องถิ่น และส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนและสังคม ความร่วมมือในการจัดอาชีวศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุ การระดมทรัพยากรเพื่อการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับภาคและจังหวัด เป็นต้น

รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าว ต่อว่า ที่มาของการปฏิรูปอาชีวศึกษาของประเทศไทยครั้งนี้ มาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 กำหนดให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเมือง การบริหาราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปกครองท้องถิ่น การศึกษา เศรษฐกิจ พลังงาน สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม สื่อมวลชน สังคม และอื่น ๆ ซึ่งการศึกษาก็เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจที่จะดำเนินการปฏิรูป เพื่อให้มีผลในการดำเนินการบริหารบ้านเมืองในอนาคตไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น เพื่อที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกัน สอศ.จึงมีการศึกษา วิเคราะห์ ระดมความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชีวศึกษา ซึ่งได้รับข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอร่างกรอบแนวทางปฏิรูปการอาชีวศึกษาเสนอต่อคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา และคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้พิจารณาและตรวจสอบ จากนั้น สอศ.จะนำมาปรับแก้ไขแล้วนำเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป เพื่อให้เกิดการปฏิรูปอาชีวศึกษา สามารถผลิตและพัฒนากำลังคนได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และการพัฒนาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการครบทั้ง 4 ภูมิภาคแล้ว ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร
ยุวดี : ข่าว/เพ็ญนภา : ภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์/9 เมษายน 2558
ดร.ชาญเวช บุญประเดิม รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าว ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปอาชีวศึกษา ในกลุ่มภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุม 250 คน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสถานประกอบการ กลุ่มที่ 2 ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารสำนักงาน กศน. จังหวัด กลุ่มที่ 3 ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน และกลุ่มที่ 4 ภาคประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น ผู้ปกครอง และศิษย์เก่า โดยมีกรอบการหารือเกี่ยวกับการสร้างแรงจูงใจให้สถานประกอบการเข้ามามีส่วน ร่วมจัดการอาชีวศึกษา แนวทางการกำหนดความต้องการกำลังคนทั้งในระดับจังหวัด และระดับภาคเพื่อการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคน การจัดระบบข้อมูลกำลังคนในระดับจังหวัด การกำหนดค่าจ้างหรือค่าตอบแทนตามสมรรถนะของผู้สำเร็จอาชีวศึกษา ความร่วมมือในระดับจังหวัดและระดับภาคในการจัดอาชีวศึกษาทวิภาคี รวมทั้งสาขาเร่งด่วน การจัดตั้ง กรอ.อศ. ระดับจังหวัดและระดับภาค เพื่อเป็นกลไกเสริมสร้างและผลักดันความร่วมมือในพื้นที่ การเพิ่มผู้เรียนสายอาชีวศึกษา การแนะแนวการศึกษาเพื่ออาชีพและมีงานทำ การสนับสนุนการสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา อาชีวะในโรงเรียนมัธยม อาชีวะตามอัธยาศัย การทำงานแบบเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาในจังหวัด การรวมอาชีวะรัฐและอาชีวะเอกชนให้อยู่ภายใต้หน่วยงานเดียวกัน โครงสร้างหน่วยงาน และการทำงานร่วมกัน การกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่และจังหวัด ความพร้อมและความต้องการรับการกระจายอำนาจในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ความต้องการให้อาชีวศึกษาสร้างอาชีพ พัฒนาท้องถิ่น และส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนและสังคม ความร่วมมือในการจัดอาชีวศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุ การระดมทรัพยากรเพื่อการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับภาคและจังหวัด เป็นต้น
รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าว ต่อว่า ที่มาของการปฏิรูปอาชีวศึกษาของประเทศไทยครั้งนี้ มาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 กำหนดให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเมือง การบริหาราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปกครองท้องถิ่น การศึกษา เศรษฐกิจ พลังงาน สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม สื่อมวลชน สังคม และอื่น ๆ ซึ่งการศึกษาก็เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจที่จะดำเนินการปฏิรูป เพื่อให้มีผลในการดำเนินการบริหารบ้านเมืองในอนาคตไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น เพื่อที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกัน สอศ.จึงมีการศึกษา วิเคราะห์ ระดมความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชีวศึกษา ซึ่งได้รับข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอร่างกรอบแนวทางปฏิรูปการอาชีวศึกษาเสนอต่อคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา และคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้พิจารณาและตรวจสอบ จากนั้น สอศ.จะนำมาปรับแก้ไขแล้วนำเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป เพื่อให้เกิดการปฏิรูปอาชีวศึกษา สามารถผลิตและพัฒนากำลังคนได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และการพัฒนาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการครบทั้ง 4 ภูมิภาคแล้ว ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร
“จากการรับฟังความคิดเห็นทั้ง 3 ภูมิภาค
เราได้รับความสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนมีความปรารถนาดี
ต้องการให้เกิดการปฏิรูปการอาชีวศึกษา
โดยสิ่งที่ทุกคนจะได้ยินอยู่เสมอคือคำว่า “อาชีวะ สร้างชาติ”
เป็นคำที่ท่านนายกรัฐมนตรีให้เกียรติและยกย่องชาวอาชีวศึกษา
ฉะนั้นบุคลากรอาชีวศึกษาต้องพัฒนาการอาชีวศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในสังคม
และร่วมกันผลักดันการอาชีวศึกษาให้มีส่วนสำคัญใน การพัฒนาประเทศ
ซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ทุกฝ่ายต่างชี้ให้เห็นถึงปัญหาและเสนอ
แนะแนวทางการจัดอาชีวศึกษาในมิติต่าง ๆ อาทิ
การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน
การจัดงบประมาณสนับสนุนการเรียนระบบทวิภาคีร่วมกับสถานประกอบการ
การแก้ไขระเบียบกฎหมายให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง
การเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการ ชุมชน
และสถานศึกษาระดับจังหวัด การพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การประชาสัมพันธ์สื่อสารระหว่างหน่วยงาน
ซึ่งทางอาชีวศึกษาจะนำไปเป็นข้อมูลในการยกร่างกรอบแนวทางการปฏิรูปการ
อาชีวศึกษาต่อไป” ดร.ชาญเวช กล่าว
กลุ่มประชาสัมพันธ์/9 เมษายน 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น